วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา) ณ Port of Long Beach นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ Ms.Bonnie Lowenthal, President, Board of Habor Commissioners, Dr.Noel Hacegaba, Chief Operating Officer, Mr. Russell Mahakian, Business Development Manager และ Ms.Mechelle Ngin, Business Development Manager ผู้บริหาร Port of Long Beach ท่าเรือที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน ที่มีตู้สินค้าผ่านเข้าออกมากที่สุดของประเทศสหรัฐฯ และมากเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะเข้าร่วม เพื่อวางแผนในการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และอำนวยความสะดวกให้สินค้าไทยเข้าสหรัฐฯเพิ่ม
นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า Port of Long Beach เป็นท่าเรือที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน มีท่าเทียบเรือสำหรับขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ 6 ท่า ท่าสำหรับขนถ่ายน้ำมันดิบ 5 ท่า เครนยกตู้คอนเทนเนอร์ 72 เครน มีสินค้าผ่านเข้าออกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงต้องมาหาโอกาสในการเพิ่มความร่วมมือ เพื่อเพิ่มปริมาณตู้สินค้าระหว่างไทยกับท่าเรือ ซึ่งจะทำให้การส่งออกสินค้าจากไทยไปยังสหรัฐฯ ทำได้ดีขึ้น
"วันนี้เราได้หารือร่วมกับทางผู้บริหาร Port of Long Beach เพื่อมาขยายความร่วมมือ เพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าจากไทยมายังสหรัฐฯ ผ่านท่าเรือลองบีชและท่าเรือลอสแอนเจลิสซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญอันดับหนึ่งที่ไทยส่งสินค้ามายังสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายการส่งออก ในสินค้ายุทธศาสตร์ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับทูตพาณิชย์ฝั่งทวีปอเมริกาและลาตินอเมริกา ท่ามกลางปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐว่าจะทำอย่างไรในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ตอนนี้ได้ให้ทูตพาณิชย์ดูว่าจะมีสินค้าไทยตัวไหนที่สามารถส่งมาทดแทนได้" นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ด้านนางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เห็นโอกาสของสินค้าไทยสูงมาก ได้คุยกับผู้บริหารท่าเรือฯ รู้สึกว่าเซาท์อีสต์เอเชียโดยเฉพาะไทยจะเป็นแหล่งที่เจริญ จะมีการค้าเพิ่มมากขึ้น สินค้าที่ส่งมายังสหรัฐฯส่วนใหญ่เป็นยางและผลิตภัณฑ์ รถยนต์และส่วนประกอบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นโอกาสของเราเพราะนโยบายของประธานาธิบดี ทรัมป์ ดูทิศทางแล้วมีโอกาสทำสงครามการค้ากับจีนอีก อาจจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยผลิตและทดแทนสินค้าจีนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ขณะนี้ทำงานเชิงรุกใกล้ชิดกับพาณิชย์จังหวัดที่เข้าถึงผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยเฉพาะ SMEs สนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการมากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างท่าเรือกับจุดหมายปลายทาง เพื่อลดความแออัดในท่าเรือ และรองรับปริมาณการขนถ่ายตู้สินค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และโครงการในการพัฒนาให้ท่าเรือ Long Beach กลายเป็นท่า Zeero (Zero Emission, Energy Resilient Ops) รวมไปถึงขอทราบสถานการณ์การนำเข้าสินค้าของท่าเรือในฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศไทย และแนวทางการแก้ปัญหาและสถานการณ์ความแออัดของท่าเรือ เพื่อนำมาวางแผนในการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ต่อไป
ซึ่งปัจจุบัน San Pedro Bay (Port of Long Beach & Port of Los Angeles) เป็น Port Complex ที่มีตู้สินค้าผ่านเข้าออกมากที่สุดของประเทศสหรัฐฯ และมากเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยในปี 2566 มีปริมาณสินค้าเข้าออกรวม 16.6 ล้านตู้ขนาด 20 ฟุต ในจำนวนนี้เป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยประมาณ 360,803 ตู้ สินค้าที่นำเข้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยางและผลิตภัณฑ์ 74,762 ตู้ 2.เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หม้อไอน้ำ 68,354 ตู้ 3.เครื่องจักรไฟฟ้า 55,324 ตู้ 4.เฟอร์นิเจอร์ 18,163 ตู้ และ 5.รถยนต์และส่วนประกอบ 14,728 ตู้