กระทรวงพาณิชย์ เปิดประชุมใหญ่นัดแรกเชิญ 10 หน่วยงาน เดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหานอมินีของชาติให้จบ! ภายใต้คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) พร้อมกำชับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้มงวดก่อนและหลังรับจดทะเบียนธุรกิจกลุ่มเสี่ยง พร้อมตรวจสอบอย่างศักยภาพทางการเงินของผู้ลงทุนถี่ถ้วน เมื่อจบการประชุมคลอดแผนปฏิบัติการ 3 ระยะสั้น กลาง ยาว พร้อมรูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ารัฐบาลไม่นิ่งเฉย และจะจัดการปัญหานี้ให้เห็นเป็นรูปธรรม
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ณ ศูนย์ประชุมกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 ว่า เมื่อวานนี้ (13 พฤศจิกายน 2567) กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การทำงานของคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามฯ จำนวน 10 หน่วยงานเข้าร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหานอมินี ในประเทศไทยให้หมดไปอย่างยั่งยืน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการจัดหางาน กรมการท่องเที่ยว กรมที่ดิน และกรมสรรพากร ซึ่งทั้งหมดมีอำนาจหน้าที่ในการสนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อเป็นฐานข้อมูลการตรวจสอบ ดำเนินการสืบสวน สอบสวนหรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินี รวมทั้งวางกรอบแนวทางการกำกับดูแลและป้องปรามร่วมกัน โดยคณะทำงานชุดนี้เป็นหนึ่งในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการย่อยภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า “ปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าวหรือนอมินีเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้าง และมีความท้าทายในการทำงาน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจึงจำเป็นจะต้องจับมือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสุดความสามารถภายใต้อำนาจหน้าที่ของตนเองเพื่อให้เกิดความสำเร็จทั้งองค์รวม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงอย่าง ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้เช่าโกดังสินค้า และโลจิสติกส์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมลงพื้นที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบธุรกิจตามแผนปฏิบัติการ รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดทั้งก่อนและหลังรับจดทะเบียนธุรกิจในนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นนอมินี อาทิ การตรวจสอบหลักฐานทางการเงินของผู้ลงทุนคนไทยที่ลงทุนเองหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าวว่ามีศักยภาพในการลงทุนได้จริง และจัดทำข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงประจำปี
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปในการทำงานร่วมกันซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น เห็นผลภายใน 1-3 เดือน เป็นการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่างแต่ละหน่วยงานสำหรับสร้างฐานข้อมูลเดียวกันเพื่อใช้ในการสืบสวน สอบสวน ตรวจสอบหาธุรกิจที่กระทำผิดและเข้าข่ายนอมินี รวมทั้งสร้างการรับรู้แก่ภาคประชาชนว่าภาครัฐให้ความสำคัญพร้อมร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหานอมินี ระยะกลาง ตั้งเป้าหมายภายใน 3-12 เดือน จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยติดตามวิเคราะห์และคัดกรองกลุ่มเสี่ยงนอมินีและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และในระยะยาว ตั้งเป้าหมายทบทวนกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงให้ทันสมัย ปิดช่องว่างที่ผู้กระทำผิดนำมาใช้ และช่วยทำให้การจับกุมเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะลดปัญหานอมินีในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน อย่างไรก็ดี คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหานอมินีที่เรื้อรังในประเทศไทยให้หมดสิ้นไป ประกอบกับสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน หรือนักลงทุนต่างชาติว่ารัฐบาลไทยไม่เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้นและทุกหน่วยงานพร้อมร่วมมือกันแก้ไขปัญหานอมินีอย่างจริงจัง” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย