นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ตนได้มีโอกาสร่วมคณะของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการรับมอบสมุดปกขาว ข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ที่จัดทำโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ทำให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ได้รับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง
“ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้รับบัญชาจากท่านนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 4 เรื่อง มีทั้งเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง และเรื่องที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ, การเร่งเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ, การอำนวยความสะดวกให้กับผู้กับผู้ประกอบการ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% รวมถึงการปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า” นายพิชัย กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อไปว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้ง และสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ผ่านกลไก “คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย” เพื่อดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และตั้งเป้าให้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนและนัดแรกจะจัดประชุมในวันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567) เพื่อติดตามความคืบหน้าและพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เร่งรัดเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศใหม่ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ยังคั่งค้างเพื่อช่วยดึงดูดการลงทุน รวมถึงใช้ประโยชน์ด้านส่งออก-นำเข้า โดยการเจรจา FTA ที่ใกล้ปิดดีล เช่น ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) มีสมาชิก 4 ประเทศ คือ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ หากเจรจาสำเร็จในปีนี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่ทำ FTA กับ EFTA นอกจากนั้น ยังมีการผลักดัน FTA อื่นๆ เช่น FTA กับสหภาพยุโรป(EU) ปากีสถาน ภูฏาน UAE และอินเดีย ทำให้ภายในรัฐบาลนี้ คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้อีกหลายฉบับ รวมๆ มากกว่า 10 ประเทศ จากปัจจุบันไทยมี FTA 15 ฉบับกับเพียง 18 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด
ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ตนได้ คิกออฟระบบการให้บริการส่งออกสินค้ามาตรฐาน “OCS Connect” ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% ตั้งแต่ในสัปดาห์แรกที่เข้ามารับตำแหน่ง โดยระบบดังกล่าว ครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การออกใบทะเบียน/ใบอนุญาต การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า จนกระทั่งการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อประกอบพิธีการศุลกากรขาออกผ่านระบบ National Single Window (NSW) ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และเบ็ดเสร็จในแพลตฟอร์มเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้ามาติดต่อ เพราะมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดเอกสารที่ซ้ำซ้อน ลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น และรองรับการชำระค่าธรรมเนียมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ e-Payment ได้ทันที
ในเรื่องสุดท้าย คือการปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า ตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หารือร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยได้รับทราบว่า มีนัดหมายกันในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคมนี้ ในเบื้องต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้ชะลอการจดทะเบียนนิติบุคคลให้กับบุคคลที่อยู่ในบัญชีความเสี่ยง มีการเพิ่มความเข้มงวดในการรับจดทะเบียนด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ให้บุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยตามประกาศรายชื่อ HR 03 ของ ปปง. ต้องมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน เป็นต้น
“ขอเรียนย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์ พร้อมรับทุกข้อเสนอ เพื่อทำให้การค้าการลงทุนภายใต้รัฐบาลนี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำข้อเสนอในสมุดปกขาวของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มาปรับใช้ให้เข้ากับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดรับกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชนต่อไป” นายพิชัย กล่าว