Header Image
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดเชียงราย เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ณ ด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย
watermark

          นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดเชียงราย ณ ด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์  นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ด่านศุลกากร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเชียงราย เพื่อเร่งทำงานเชิงรุก ส่งเสริมการค้าชายแดน-ผ่านแดน รับฟังข้อเรียกร้องภาคเอกชนแก้อุปสรรคการค้า ยกระดับศักยภาพท่าเรือเชียงแสนรองรับการค้ากับจีน กำชับศุลกากรป้องกันสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ
          นายพิชัย เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองของการค้าชายแดน ตนได้รับรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม–ตุลาคม) การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยมีมูลค่าการค้ารวม 1,514,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นการส่งออก 872,043 ล้านบาท (+5.64%) และการนำเข้า 642,794 ล้านบาท (+6.92%) โดยไทยได้ดุลการค้าถึง 229,248 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีเป้าขยายมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนให้เติบโตขึ้นไปเป็น 2 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 ภายใต้ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 – 2570 ซึ่งปัจจุบัน มีจุดผ่านแดนฝั่งไทยเปิดแล้ว 86 แห่ง จากทั้งหมด 94 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 73 แห่ง 
          ในวันนี้ได้มาที่ด่านศุลกากรแม่สาย ตนได้เน้นย้ำถึงการทำงานเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และภาคธุรกิจในพื้นที่ เพื่อเปิดประตูการค้าของไทยทั้งในตลาดเดิมและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และพิจารณาการยกระดับศักยภาพของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนเพื่อรองรับการค้ากับประเทศจีน ตามข้อเสนอของสภาหอการค้าจังหวัดเชียงราย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยประสานงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุน และมอบหมายกรมการค้าต่างประเทศติดตามความคืบหน้า เนื่องจากท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เป็นเส้นทางการค้าที่มีศักยภาพเนื่องจากสามารถเชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (สปป. ลาว เมียนมา และจีน) โดยในปี 2567 (มกราคม –ตุลาคม) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนมีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนรวม 5,962 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.53 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 5,650 ล้านบาท และการนำเข้า 312 ล้านบาท และจะเป็นเส้นทางขนส่งผลไม้ที่สำคัญ เนื่องจากจีนได้เห็นชอบให้ด่านกวนเหลี่ย เป็นด่านรองรับผลไม้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา
          นายพิชัย กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ขอทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนไทยกับเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ โดยในปี 2568 จะมีการจัดมหกรรมการค้าในพื้นที่จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและจังหวัดชายแดนหรือระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4  ภาค รวม 6 ครั้ง และจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเปิดด่านตรงข้ามกับที่ฝั่งไทยเปิดแล้วหรือมีความพร้อมที่จะเปิดด่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับประเทศ
          “กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ส่งเสริมให้เอกชนค้าขายได้ดีขึ้น พร้อมช่วยผลักดันเพื่อเพิ่มการลงทุน ขอให้ภาคเอกชนที่ต้องการการสนับสนุนเตรียมข้อมูลให้กับทางรัฐบาล จะได้ซัพพอร์ตให้เต็มที่ในการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าให้ภาคเอกชน เรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนทันทีและยินดีที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และก่อนหน้านี้ท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ได้ตั้งให้ผมเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ทางศุลกากรช่วยควบคุมเรื่องสินค้าด้อยคุณภาพที่จะเข้ามาในประเทศ ป้องกันไม่ให้มีปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนด้วย“ นายพิชัย กล่าว

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar