Header Image
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ บรรยายในงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ “นวัตกรรมองค์การและการบริหารทรัพยากรบุคคล” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ณ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
watermark

          นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้บรรยายในงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ ”นวัตกรรมองค์การและการบริหารทรัพยากรบุคคล“  จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต  สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์  รุ่นที่ 1 คณะรัฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ  โดยนายสุชาติฯ ได้บรรยายหัวข้อ“ฉากทัศน์การบริหารคนในองค์การยุคใหม่“ ว่า ”ผมขอเกริ่นก่อนว่าผมเป็นลูกของชาวบ้านโดยแท้ ก่อนจะฟัน ฝ้าอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะการเป็นจับกังท่าเรือแหลมฉบัง แล้วเรียนรู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนกระทั้งเข้าสู่วงการการเมืองท้องถิ่นที่ชลบุรี มาสู่รัฐสภา ก่อนจะได้รับความไว้วางใจให้เป็น รัฐมนตรีในสามรัฐบาล ก่อนก้าวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการครั้งแรกในอายุ 47 ปี ผมยึดหลักการทำงานด้วยแนวคิดนอกกรอบ แนวคิดการแก้ปัญหา การบริหารทรัพยากรบุคคล งบประมาณ แนวคิดการสร้างนโยบายที่เป็นนวัตกรรม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเกิดนโยบายสำคัญต่าง ๆ แนวทางการบริหารธุรกิจ และองค์กร ซึ่งในขณะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในวัย 47 ปี ผมเจอวิกฤตระดับชาติอย่างสถานการณ์โควิดที่สาหัสที่สุดที่ทั่วโลกเผชิญ ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากหลายประเทศ แต่เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยพื้นตัวได้เร็วมากกว่าหลาย ๆ ประเทศ และอุตสาหกรรมส่งออกหลายแห่ง ก็ทั่งฟื้นตัวและเติบโตแบบก้าวกระโดดบางกิจการเติบโตมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ด้วยซ้ำ ที่เราทำเช่นนี้ได้เพราะหลายวิธีคิดเกิดจากการคิดนอกกรอบ นอกตำรา เพราะทั่วโลกไม่เคยเผชิญโควิด -19 มาก่อน จึงไม่มีตำราไหนให้เรียนรู้ แต่เราก็ฝ่าวิกฤติมาได้ ด้วยการระดมความคิด และร่วมกันทำงานวิธีที่เราฝ่าวิฤติมาได้ ตอกย้ำว่า ไม่มีอะไร เอาชนะความตั้งใจได้นโยบายสำคัญ“
          ”ในช่วงวิกฤตโควิด ผมได้เปิดจุดตรวจ ไทยญี่ปุ่น ดินแดง ตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก ฉีดวัคซีน ในสถานประกอบการเปิดสายด่วน 1506 ตั้งวอลรูม รมว เฮ้ง รับสายเอง เปิด Hospitel เยียวยา ม40โครงการ Factory Sandbox ด้วยหลักการ เศรษฐศาสตร์ นำสาธารณสุข WHO ชื่นชม และประเทศไทยส่งออกสูงสุดรอบ 30 ปี โครงการ ม33 เรารักกัน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โครงการเยียวยา SMEs ให้กลับมาฟื้นตัวได้ นี่คือตัวอย่างการบริหารทรัพยากรบุคคลเราต้องเปลี่ยนแนวคิดของทำประชาชนตกงาน แล้วช่วยฟื้นฟู และบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายให้ได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย ซาอุ (ฟื้นฟูการค้า การท่องเที่ยว แรงงาน การลงทุน)“
          จากกระทรวงแรงงาน สู่กระทรวงพาณิชย์ จาก จับกังสู่นักเจรจาผลสำเร็จ จากการเดินหน้าเจรจาการค้า อินเดีย เกาหลีใต้ ตุรกี UAE โดยนายสุชาติฯ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมอยากเล่าว่า ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เป็นข้าราชการที่เป็นหัวกะทิ เป็นข้าราชการที่เก่งมาก แต่ละท่านผ่านการเจรจากับต่างประเทศมายาวนาน ในการทำข้อตกลงต่างๆ อย่างรอบคอบและเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์ทางการค้าให้มากที่สุด ผมเองเข้ามาร่วมงานในระดับนโยบาย ผมเข้ามาประคับประคองการทำงานให้ข้าราชการ ได้ช่วยขจัดอุปสรรคที่จะเจอและไปช่วยแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น ให้การทำงานสอดคล้องกันกับระดับนโยบายและข้าราชการ  ซึ่งอาจจะต้องมีการเปลี่ยนมุมมองความคิดโดยจูนเข้าหากันให้ได้ องค์กรจะสำเร็จได้ วิธีการปรับเปลี่ยนการบริหาร ผมยึดกลักการเป็นผู้บริหารที่ดีที่เก่งไม่จำเป็นต้องคิดอยู่ในกรอบเดิมๆ  ต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์”
          “ล่าสุดผมได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านพิชัย นริพทะพันธุ์ ให้เข้าร่วมประชุมที่ประเทศตุรกี ผมได้มรโอกาสพบกับ รัฐมนตรีการค้าของตุรกี ซึ่งไทยได้เจรจาทำข้อตกลง FTA ตุรกีมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้พูดคุยกับรัฐมนตรีของประเทศตุรกี ถึงการค้าระหว่างกัน ซึ่งแม้ประเทศคู่ค้าอย่างตุรกีอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำการค้าโดยรัฐบาลแต่อย่างไรก็ดีผมในฐานะผู้แทนประเทศไทยก็พยายามแสดงความจริงใจให้ท่านรัฐมนตรีได้เห็น และทราบว่าการเจรจาการค้าต่างๆ ไทยอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่านเป็นหลัก การเจรจาต้องให้ประเทศคู่ค้าที่ไม่รู้สึกว่าเราไปเอาเปรียบเขาและเราไม่เสียเปรียบเขา ทำให้เขาเห็นถึงความจริงใจของเรา ซึ่งตรงนี้ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการปรับเปลี่ยน การทำงานในเชิงกลยุทธ์ที่จะส่งผลให้การเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ในส่วนของการเยือนดูไบ เมื่อ2 วันที่ผ่านมา ผมได้แสดงให้เห็นว่าสินค้าไทยที่ได้ไปจัดแสดง โดยเฉพาะอาหารไทย ที่ได้รับรองเป็นร้านไทยซีเล็ค ได้ใช้วัตถุดิบของไทยอาหาร ส่งไปจากไทย รสชาติของไทย ที่ต่างชาตินิยมอาหารไทยเยอะ เราก็ได้ไปเผยแพร่อาหารไทยวัฒนธรรมประเพณีของต่างชาติได้เห็นซึ่งได้มีการยอมรับและเชื่อมั่นจากประเทศยูเออี เป็นอย่างดี”
         บทสรุป ชีวิตที่เหลือ เพื่อชาติ ไม่ใช่แค่เพียงมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับวิกฤติต่างๆเท่านั้น แต่ท่านสุชาติฯ ยังได้วางนโยบายเพื่อรับมือกับปัญหา ที่ท้าทายในอนาคตด้วยวิสัยทัศน์ และแนวคิดที่นำมาสู่การกำหนดนโยบาย และ ต่อเนื่องเชื่อมโยงมาสู่การบริหารงานเรื่องเจรจาการค้ากับต่างประเทศ นโยบายมาตรการแนวคิด "ฝ่าทุกวิกฤต ด้วยวิธีคิดนอกกรอบ"
          “คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งไปซะทุกด้าน ต้องมีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีองค์กรที่สามัคคีกัน และถึงเวลาวิกฤตต้องรวมพลังให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้” นายสุชาติฯ กล่าวทิ้งท้าย

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar