นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ (TILOG-LogistiX 2023) พร้อมด้วยนายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จํากัด คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานด้านโลจิสติกส์ ที่ Hall 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ 2023 (TILOG-LogistiX 2023) เกิดจากด้วยความร่วมมือของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และบริษัทรี้ด เทรดเด็กซ์ จํากัด ร่วมกันจัดงานออนไซต์เป็นปีที่ 6 ภายหลังโควิดงานนี้ได้มาจัดยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง โลจิสติกส์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตที่จะมีส่วนสำคัญขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วต่อไป รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็น 1.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ 2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 3. การพัฒนาศักยภาพและยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยสู่เวทีสากล และ4. สร้างความร่วมมือทั้งความเชื่อมโยง แนวระเบียงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่ออนาคตของประเทศ
ล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสนำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์พร้อมภาคเอกชนไทย ไปลงนาม MOU ร่วมขยายเครือข่ายโลจิสติกส์กับบริษัท DP World ของดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีเครือข่ายท่าเรือและสนามบินครอบคลุมทั่วโลก 78 ท่าเรือ ใน 6 ทวีป และ 240 สนามบิน มีจุดหมายปลายทาง 318 จุด นับเป็นการสร้างแต้มต่อเครือข่ายโลจิสติกส์ของไทยให้ได้รับประโยชน์ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกที่มากขึ้นในอนาคต
ในปี 2566 นี้ ไทยได้รับการจัดอันดับจากธนาคารโลก (World Bank) ให้เป็นประเทศที่มีระบบโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับที่ 34 ของโลก จากทั้งหมด 139 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน โดยได้คะแนนที่ 3.5 (เต็ม 5) ซึ่งถือว่าไทยได้ระดับคะแนนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดอันดับมาตั้งแต่ปี 2550 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการพัฒนาและความพร้อมทางโลจิสติกส์ของประเทศที่จะก้าวไปสู่ประตูการค้าสำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลกต่อไป
งาน TILOG-LogistiX 2023 ในวันนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Smart and Green Logistics for Sustainable Tomorrow” ซึ่งสอดรับกับเทรนด์โลกและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีโลจิสติกส์ยุคใหม่ โดยที่งานในวันนี้มีผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitors) กว่า 167 บริษัท/335 คูหา มีการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 200 คู่ และมีผู้เข้าชมงาน (Visitors) ไม่น้อยกว่า 10,000 ราย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าซื้อขายภายในงานระหว่างวันที่ 17-19 ส.ค.นี้ เกินกว่า 4,000 ล้านบาท
------------------------------------